รับทำ SEO การตลาดช่องทางใหม่

การที่เราจ้างใครให้ทำอะไรให้นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะอยากรู้ความคืบหน้าของงานว่าไปถึงไหนแล้ว การจ้างทำ SEO ราคาถูก ก็เช่นกัน คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เพื่อดูว่าเขาทำให้เราแล้วหรือยัง โดยไม่ต้องหมั่นโทรไปตามงานให้เสียความรู้สึกกันทั้งสองฝ่าย ดังนี้
ขั้นตอนแรก คุณต้องรู้คิวงานที่แน่ชัด ว่าทีมรับจ้างทำ SEO เขาจะเริ่มงานให้คุณเมื่อไหร่ เพราะบางทีคิวยาวมาก คุณอาจรอจนลืมไปเลยว่าได้เคยติดต่อว่าจ้างเจ้านี้ให้ทำ SEO ให้ เมื่อรู้กำหนดแน่นอนแล้วก็ไปขั้นตอนต่อไปกันเลย
ขั้นตอนที่สอง ปกติแล้ว เมื่องานของคุณเริ่มไปได้ระยะหนึ่ง ทีมงานจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบเพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจ แต่หากไม่ได้รับการติดต่อกลับมา หรือขอข้อมูลไปแล้วเขาไม่ให้ คุณก็เข้าไปสำรวจด้วยตัวเองได้ด้วยบริการ Google webmaster tool เพื่อเข้าไปเช็คดูว่ามีการสร้างแบ๊คลิ้งค์ (backlink) มายังเว็บของคุณหรือยัง สร้างที่ไหน อย่างไร ซึ่งขั้นตอนนี้ จะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 วัน เพื่อไม่ให้เป็นการสแปมแบ๊คลิ้งค์นั่นเอง
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อทีมงานลงแบ๊คลิ้งค์ให้ครบหมดแล้ว ต่อไปก็เป็นการรอให้กูเกิ้ลมาเก็บข้อมูล ในช่วง 15 วันแรก อันดับอาจจะยังไม่คงที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสัก 1 – 3 เดือน ผลก็จะออกมาชัดเจนขึ้น ลองเช็คดูได้ โดยเสิร์จคำว่า “เช็คอันดับเว็บ” ในกูเกิ้ล เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
ทางที่ดีก็ตกลงกันไปเลยว่าคุณต้องการให้รายงานผลเป็นระยะด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้รับจ้างทำ SEO ราคาถูกก็จะมีบริการด้านนี้ให้อยู่แล้ว เจ้าไหนเล่นตัวมากก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เพราะงานของเขาอาจไม่โปร่งใสเลยเปิดเผยไม่ได้

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ใช้การโฆษณาสินค้าและบริการผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จ และผู้ที่ล้มเลิกไป เพราะบางครั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายตามมาที่สูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ เมื่อเทียบกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ เหมือนจะไม่คุ้มค่า สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ลองมาดูสิ่งที่คุณควรระวังในการทำการตลาดออนไลน์กันก่อนดีกว่า

1. ไม่ควรทำการโฆษณาสินค้าเพียงชิ้นเดียว ถ้าคุณจำหน่ายสินค้าหลายชิ้น เพราะลูกค้าที่ให้ความสนใจในสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละตัวอาจจะแตกต่างกัน การทำโฆษณาแบบหลากหลาย จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

2. ควรกำหนดค่าโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เอาไว้ หรือตั้งเป็นงบประจำแต่ละเดือน เมื่อครบแล้วควรหยุดโฆษณาในแบบที่ต้องเสียเงิน แล้วหันไปโปรโมทหรือโฆษณาผ่านสื่ออื่นแทน ในปัจจุบันมีสื่อออนไลน์หลายแห่งที่เปิดให้สามารถเข้าไปโปรโมทหรือโฆษณาสินค้าและบริการได้ฟรี

3. ควรโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าคุณทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์อย่าง Facebook ที่จะมีข้อมูลของลูกค้าให้คุณสามารถระบุได้เลยว่าต้องการลูกค้ากลุ่มไหน เพศ อายุ หรืออาศัยอยู่ย่านใด เป็นต้น

4. คำโฆษณาควรมีรายละเอียดที่ครอบคลุม แต่ไม่ควรมากจนเกินไป เป็นข้อความสั้นๆ ที่เข้าใจง่าย

5. ไม่ควรโฆษณาชวนเชื่อแบบผิดๆ หรือสินค้าที่จำหน่ายไม่ได้มาตรฐานอย่างคำโฆษณา เพราะสื่อออนไลน์ในปัจจุบันค่อนข้างไว และรู้กันอย่างทั่วถึงได้เร็วมาก ถ้าเราโฆษณาแบบผิดๆ อย่างจงใจ โอกาสที่จะเสียชื่อเสียก็มีมากเช่นกัน

หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์อย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วอันดับแรกเราควรเตรียมความพร้อมของตัวเองและสินค้าที่เราต้องการจำหน่ายกันเสียก่อน โดยศึกษาจากข้อมูลต่างๆ และควรเตรียมรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

1. ตัวสินค้า
ควรศึกษารายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่เราต้องการทำการตลาดก่อนเป็นอันดับแรก และเราควรเข้าใจรายละเอียดต่างๆ เป็นอย่างดี รวมถึงศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ในการจำหน่ายและความนิยมในขณะนั้น รวมไปถึงการจัดการแพคเกจที่ใช้บรรจุสินค้าและรูปแบบของสินค้าควรสะดุดตา ดูทันสมัย เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ เพราะคนที่ท่องโลกออนไลน์โดยมากแล้วจะมีอายุระหว่าง 15-50 ปี เป็นส่วนใหญ่ แต่รุ่นที่เด็กไปกว่านี้ก็มีซึ่งส่วนใหญ่จะสนใจในเรื่องอื่นมากกว่าการใช้บริการซื้อสินค้า รวมไปถึงในผู้ใหญ่ก็มักจะนิยมสิ่งอื่นมากกว่าและยังไม่ค่อยมั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากนัก

2. เลือกช่องทางทำการตลาด
สำหรับช่องทางที่นิยมในปัจจุบันก็จะมีตั้งแต่ Search Engine, อีเมล์, Social Network ซึ่งการเตรียมตัวจะแตกต่างกันดังนี้
– Search Engine คุณต้องจัดทำเว็บไซต์ และทำให้เว็บดูน่าสนใจ
– อีเมล์ สิ่งที่ต้องเตรียมคือการเจาะหากลุ่มเป้าหมาย โดยอาจจะให้ลูกค้าลงทะเบียนและฝากอีเมล์ไว้ในเว็บไซต์ ถ้าสนใจรับข่าวสารของสินค้า หรือโปรโมชั่นต่างๆ
– Social Network ที่ได้รับความนิยมก็อย่างเช่น Facebook, Twitter, Line ซึ่งคุณต้องสมัครเปิดใช้บริการ จากนั้นก็สามารถลงโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ต้องการจำหน่ายกันได้เลย

การเตรียมตัวอาจจะไม่ยากแต่ขั้นตอนในการทำให้ลูกค้าหันมาสนใจในตัวสินค้าและบริการของเราจะเป็นขั้นตอนที่ยากกว่า

ในยุคปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเตอร์เน็ต (Internet) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หรือที่เราเรียกกันว่าโซเชียลเน็ตเวิร์ค และสื่อออนไลน์ยอดฮิตในบ้านเราอันดับต้นๆ ก็คงไม่พ้น Facebook, Instagram, Twitter, Line เป็นต้น ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากไม่ใช่เฉพาะในบ้านเราเพียงเท่านั้น ในต่างประเทศก็ได้รับความนิยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พูดได้ว่ามีอิทธิพลกันตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอน หรือมีผู้เข้ามาออนไลน์กันตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีความรวดเร็วและสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารในเรื่องต่างๆ จึงได้มีการถูกนำมาใช้ประโยชน์จากคนเกือบทุกสาขาอาชีพ รวมไปถึงการตลาดออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า Online Marketing

การตลาดออนไลน์ ในปัจจุบันจัดเป็นการตลาดที่รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายรวมไปถึงการสั่งซื้อที่สะดวกรวดเร็วไปกว่าเดิม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งฝ่ายลูกค้าเองและผู้ขาย นอกจากนี้การทำการตลาดออนไลน์ยังสามารถทำได้ทุกกลุ่มธุรกิจไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไรที่ทั้งแบบมีตัวสินค้าหรือเป็นการบริการ รวมทั้งแบบมีหน้าร้านหรือไม่มีหน้าร้านจริงๆ คุณก็ยังสามารถลงทุนทำธุรกิจค้าขายได้

จัดเป็นการตลาดที่ประหยัดลงทุนน้อยแต่มีผู้เข้าถึงได้มากกว่าการตลาดในยุคก่อนๆ เป็นอย่างมาก และยังไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น เพราะสามารถทำการตลาดไปยังต่างประเทศได้สะดวกกันอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่การทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันได้รับความนิยม และยังมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมกันไปอีกนานตราบที่ผู้คนทั่วโลกยังท่องโลกออนไลน์กันอยู่

Local SEO คือการนำเอาธุรกิจของคุณไปติดใน google business places เวลาที่ยูสเซอร์พิมพ์คำสั่งค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสถานที่ (Local) หรือใช้ตำแหน่งจาก GPS ใกล้เคียงกับที่ตั้งของธุรกิจเรา google ก็จะแสดงผลการค้นหาแยกต่างหากออกมาบริเวณส่วนบนของหน้า SERP โดยการทำงาน Local SEO นั้น Google จะใช้อัลกอริทึม Hummingbird เพื่อที่จะเข้าใจคำค้นหาตำแหน่งที่ยูสเซอร์ต้องการ โดย Local SEO มีเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและจะคาดการณ์กันว่าเพิ่มความสำคัญมากขึ้น 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดีสำหรับปี 2016 เราควรต้องหันมาใส่ใจ Local SEO หรือไม่

1.ประโยชน์ของ Local SEO

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า Local SEO สามารถช่วยธุรกิจได้อย่างไร Local SEO มีการแข่งขันที่ต่ำ เพราะว่าจำนวนคู่แข่งของคุณจะลดน้อยลงตามสถานที่ที่ผู้ชมค้นหา และคุณก็สามรถใช้เวลาไม่นานนักในการทำให้เพจติดหน้าแรกโอกาสที่จะยูสเซอร์จะพบก็มีมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิง 5 อันดับแรก เพราะว่า 3 อันดับผลการค้นหาผ่าน Local จะแสดงอยู่เหนือสุดของหน้า SERP นั่นเอง ขณะเดียวกันผู้บริโภคที่พบเห็นคุณก็จะมีที่พักอาศัยหรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้กับเว็บไซต์คุณแล้ว ลูกค้าที่ค้นหาข้อมูลส่วนมากมีจุดประสงค์เพื่อซื้อสินค้ามากกว่าหาข้อมูลทั่วไป

2.แล้ว Local SEO กำลังเปลี่ยนไปอย่างไร

การค้นหา Local กำลังเริ่มสามารถค้นหาได้ละเอียดมากขึ้น จากสมัยก่อนที่โฟกัสได้แค่เพียงเมืองหรือภูมิภาค แต่ปัจจุบันจะสามารถเจาะลึกลงไปยังระแวกใกล้เคียงหรือสถานที่ใกล้ๆ กับยูสเซอร์ได้ ซึ่งหมายความว่าการแข่งขันจะลดลง และเป็นเฉพาะทางมากขึ้น นอกจากนี้ในปี 2016 เชื่อว่าการค้นหาแบบ Local จะทวีความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะจากสถิติพบว่าผู้บริโภคเริ่มมีการค้นหา Local มากขึ้น ขณะเดียวกันแต่ละคนก็ใช้งานผ่านมือถือมากขึ้นนั่นเอง

3.ธุรกิจควรทำอย่างไร

สิ่งแรกที่ควรทำคือควรใส่ข้อมูล ชื่อร้าน ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ให้มีความถูกต้องและตำแหน่งที่ตั้งเป็นปัจจุบันมากที่สุด ขณะเดียวกันใช้เว็บ third-party จำพวก Yelp หรือ TripAdvisor ช่วยรีวิวเท่าที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ใส่คีย์เวิร์ด Local ลงไปในส่วน titles และ descriptions รวมถึงในคอนเทนต์ของคุณด้วย ลองหันมาทำ Local SEO เพื่อรองรับเทรนด์ปี 2016 กันดูนะครับ